แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอาจจะอธิบายได้ง่ายๆ ว่า
ยังไม่รวย...อยู่อย่างรวย...จะไม่รวย
ยังไม่จน...อยู่อย่างจน...จะไม่จน
"อยู่อย่างจน" คำนี้ฟังแล้วดูแปลก แต่หากใช้ใจ ฟังแล้วจะเข้าใจว่า
คือ พลังแห่งการอยู่รอด
เพราะโลกมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกลมหายใจของมนุษย์ บางคนวันนี้ขึ้นรถเมล์ทั้งที่เมื่อวานขี่เบนซ์ นี่หรือคือความยั่งยืนในชีวิต ความเป็นจริงแล้ว สิ่งมีชีวิตบนโลกล้วนที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่ไม่่แน่นอนเหล่านี้ หากแต่เราตั้งอยู่บนความไม่ประมาท ใช้ชีวิตแบบรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เราก็จะมีโอกาสอยู่รอดได้
"ถ้าการเปลี่ยนแปลงภายนอกเกิดขึ้นเร็วกว่าภายใน เท่ากับว่าถึงจุดจบอย่างแน่นอน"
Jack Welch อดีต CEO ระดับโลกได้ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ หากเราไม่รับรู้อะไรเลย ก็เท่ากับว่ากำลังอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยงต่อการ "เสียรู้" ต่อสถานการณ์ที่ผันผวนอย่างปัจจุบันนี้
ขอยกตัวอย่างในเรื่องเงินๆทองๆ คนที่มีน้อยก็มักจะเก็บหอมรอมริบสะสมจนมีมาก แต่ก็ยังดำรงชีวิตอย่างที่เป็นมา อาจจะเพิ่มขึ้นบ้างตามกำลัง เช่น ตอนเงินเดือน 1 หมื่น นั่งค่ารถเมล์แบบลมโชย เดือนละ 1,000 บาท แต่พอเงินเดือน 20,000 บาท ก็เปลี่ยนมานั่งรถเมล์ปรับอากาศมากขึ้น เดือนละ 3,000 บาท ซึ่งก็จะยังมีเงินเก็บเยอะ ด้วยการประมาณตนเช่นนี้จะทำให้เป็นภูมิคุ้มกันในการอยู่รอดได้ แต่ถ้าจะผ่อนรถยนต์เดือนละเป็นหมื่นก็ต้องเหนื่อยหน่อย ไหนจะค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา เงินเก็บก็จะลดลง ภาระความเสี่ยงก็จะต้องเพิ่มขึ้น
การมี จึงมิใช่สำคัญที่เราหาได้เท่าไหร่
แต่มันอยู่ที่เรานั้นใช้ไปและเก็บได้เท่าไหร่มากกว่า
ดังนั้นการอยู่อย่างคนจนที่แท้จริงแล้วคือ การพึ่งตนเอง
และการดำรงชีวิตอยู่บนความไม่ประมาท ไม่ทำอะไรเกินตัว
หรือ ไม่ทำอะไรที่เสี่ยงต่อต้องเสียสูญกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นนั่นเอง